Toyota ออสเตรเลีย เปิดตัว Hilux GR Sport กระบะออฟโรดสายลุย ฮาร์ดคอร์ที่สุดในตระกูลไฮลักซ์ อัพเกรดให้รุ่น GR Sport เป็นรถกระบะสมรรถนะสูง แตกต่างจาก Hilux REVO รุ่นปกติ ช่วงล่างปรับปรุงใหม่ปรับแต่งแชสซี เพื่อการขับขี่ออฟโรดแบบเต็มสูบ อัปเกรดขุมพลัง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จได้รับการปรับแต่ง 224 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตันเมตร แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่พวงมาลัย มีการปรับการทำงานของเทอร์โบ และการฉีดน้ำมัน Fuel-Injection ส่งผลให้ มีอัตราเร่ง และ ช่วงจังหวะออกตัวที่ไวกว่าเดิม เพื่อท้าชน Ford Ranger Raptor โดยเฉพาะ
🔴 Toyota Hilux GR Sport 2023 ที่ถูกเปิดตัวในประเทศออสเตรเลีย จัดเป็นรถกระบะรุ่นเรือธงใหม่ในตลาดออสเตรเลีย แตกต่างไปจากเวอร์ชันที่วางจำหน่ายในไทย ยุโรป และญี่ปุ่น ที่ถูกเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากรถรุ่นนี้ ได้แรงบันดาลใจในการพัฒนามาจากการแข่งขันดาการ์แรลลี่ เน้นสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น ระยะห่างระหว่างล้อที่กว้างขึ้น ช่วงล่างที่ถูกปรับจูนมาโดยเฉพาะ และจานเบรกที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาคล้ายกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นปัจจุบัน
Toyota Hilux GR Sport 2023 เป็นรถกระบะในตระกูลไฮลักซ์ ที่ดูสมบุกสมบันที่สุด นับตั้งแต่ออกจากสายการผลิตในโรงงาน ซึ่งแซงหน้ารถรถกระบะในตระกูล GR จากตลาดอื่น ๆ เวอร์ชันฮาร์ดคอร์คันนี้ถูกพัฒนาโดยทีมวิศวกรของโตโยต้าในออสเตรเลีย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อของโตโยต้า ร่วมมือกับทีมโตโยต้าในละตินอเมริกา, ประเทศไทย และญี่ปุ่น
🔴 ด้านขุมพลังที่เป็นไฮไลท์ที่สำคัญของ Toyota Hilux GR Sport เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี. รหัส 1GD-FTV ที่เป็นบล๊อกกับในบ้านเรา แต่ได้รับการปรับเซตใหม่ ปรับเทอร์โบชาร์จเจอร์ และโปรแกรมระบบฉีดจ่ายน้ำมันแรงดันสูง i-ART ใหม่ ทำให้ได้กำลังแรงม้าเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีแค่ 201 แรงม้า เพิ่มขึ้มมาอยู่ที่ 224 แรงม้า (PS) แรงบิดที่มากถึง 550 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที
ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติมีการปรับปรุงเน้นความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยชุดกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งแซงได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร๋ที่พวงมาลัย แบบ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
🔴 มิติตัวรถทาง Toyota ได้มีการขยายฐานล้อของรถคันนี้ให้กว้างขึ้น 140 มิลลิเมตรที่ล้อคู่หน้า และ 155 มิลลิเมตร ที่ล้อคู่หลัง เสริมด้วยปีกนกที่ถูกออกแบบใหม่ และเฟืองท้ายที่เพิ่มความแข็งแรงมากกว่าปกติ ส่วนด้านท้ายรถยังคงในรูปแบบเดิมเพื่อเติมในส่วน หูลากด้านหลังตกแต่งด้วยเฉดสีแดง พร้อมชื่อรุ่น Hilux ที่เป็นตัวอักษรสีดำ อีกทั้งยังได้รับการปูพื้นกระบะออกมาจากโรงงาน พร้อมตีตรา GR ประทับไว้ด้านใน
นอกจากนี้ โตโยต้า ไฮลักซ์ GR SPORT เวอร์ชันออสเตรเลีย ยังมีการติดตั้ง โช้คอัพโมโนทิวบ์ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซับแรงสะเทือนและมีประสิทธิภาพการกระจายความร้อนได้ดีกว่า ทำงานคู่กับคอยล์สปริงที่มีความแข็งแรงมากกว่ารุ่นปกติ ส่งผลให้ตัวรถมีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม ช่วยลดอาการโคลงอย่างเห็นผล และเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองของพวงมาลัยได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโตโยต้าระบุว่าช่วงล่างชุดนี้สามารถตอบสนองได้ทั้งการขับขี่แบบสปอร์ตและการใช้งานในชีวิตประจำวัน
🔴 Toyota Hilux GR Sport 2023 มีเฉพาะในรุ่นตัวถังแบบดับเบิ้ลแค็บ หรือแบบ 4 ประตู Double Cab เท่านั้น โดดเด่นด้วยชุดแต่งแบบคัสตอม ตกแต่งด้วยกระจังหน้าทรงตะแกรงดีไซน์เอกลักษณ์ของ GR ประดับด้วยตัวหนังสือ TOYOTA ขนาดใหญ่ เสริมความดุเพิ่มเติมด้วยกันชนหน้าสีเงิน และแผ่นกันกระแทกอะลูมิเนียมใต้ห้องเครื่อง ด้านข้าวตัวรถติดตั้งบันไดข้างทรงกลมสีดำ พร้อมโป่งซุ้มล้อสีดำซาตินแบบใหม่ ซึ่งเสริมความกว้างของตัวรถให้ดูมีมัดกล้ามที่น่ายำเกรงมากยิ่งขึ้น และจุดยึดสีแดงบริเวณท้ายรถ
รับกับชุดล้ออัลลอยสีดำลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยาง All-Terrain ขนาด 265/65R17 จาก Bridgestone มาพร้อมกับจานเบรกที่ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น เสริมความปลอดภัยด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีแดงจากทาง GR ขณะที่ชิ้นส่วนตัวถังถูกออกแบบเป็นพิเศษอุโมงค์ลมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดด้านอากาศพลศาสตร์
🔴 ภายในห้องโดยสาร คล้ายกับรถเวอร์ชัน REVO ในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยชุดแต่ง GR Sport เบาะหุ้มด้วยหนังสีดำพร้อมปักโลโก้ Gazoo Racing ที่บนพวงมาลัยและพนักพิงศีรษะ พร้อมโทนสีแดง พร้อมแป้นเหยียบแบบอะลูมิเนียมและสายคาดเข็มขัดนิรภัยสีแดง คาลิเปอร์เบรกสีแดง รวมถึงบริเวณพื้นปูกระบะท้ายด้วย
Toyota Hilux GR Sport เวอร์ชั่นออสเตรเลีย ยังไม่ได้มีการประกาศราคารถรุ่นนี้ออกมา เพียงแต่มีกำหนดเตรียมทำตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าจะมีการเปิดตัวในไทยคงจะเวลาไล่เลี่ยกัน คงต้องจับตาดูให้ดี อาจจะมีสิทธิเปิดโชว์ในงานใหญ่ๆ ช่วงกลางปีนี้ก่อนก็ได้
👉👉 Credit : ทั้งภาพ และเนื้อหา
Carscoops
