น่าใช้มากหากไม่ติดเรื่องราคา รีวิว Mitsubishi Xpander Cross 2023

Share on facebook
Share on twitter

Mitsubishi Xpander Cross Model Year 2023 น่าใช้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ผมได้มีโอกาสได้ทดลองขับที่จังหวัดเชียงรายที่มีเส้นทางให้ทดลองขับที่หลากหลาย โดยไฮไลท์คือได้ขับไปที่บ้านดอยช้างเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของรถว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ

เรามีหลายหัวข้อที่จะพูดถึงในการทดสอบครั้งนี้ ข้อแรกนั่นก็คือเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ถ้าจะพูดถึงการขับขี่โดยรวมของรถคันนี้ โดยนำไปเปรียบเทียบกับ Xpander Cross ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วจะมีความแตกต่างกันอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของช่วงล่างโดย Mitsubishi Xpander Cross 2023 นี้ช่วงล่างดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้ผมได้ขับขึ้นเขาและมีทางโค้งอยู่เยอะพอสมควร เวลาขับรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก ๆ เมื่อคุณเทียบกับ Xpander Cross ตัวปรกติ

นอกจากนี้เรื่องอัตราการเร่ง ถ้าคุณอยากได้รถที่มีอัตราเร่งที่เร็วรถในกลุ่ม MPV นี้อาจจะไม่ตอบโจทย์ โดยจะเหมาะเป็นรถครอบครัวที่ขับในเมืองหรือขับแบบ Adventure ก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่า และเวลาเร่งจะมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาในห้องคนขับอยู่พอสมควร

แต่สำหรับในความเร็วต่ำ 0-40 กม./ชม. ตัวรถก็จะตอบสนองได้ดี และในความเร็วระดับกลางประมาณ 40-80 กม./ชม. ก็ยังถือว่าทำความเร็วได้ดี แต่ในความเร็ว 80-120 กม./ชม. ความเร็วของตัวรถก็จะเริ่มลดลง

ในเรื่อง Handling ก็ถือเป็นอีก 1 ในไฮไลท์เพราะพวงมาลัยของรุ่นนี้ได้นำมาจากตัว Pajero Sport ซึ่งตอนทดลองช่วงแรกผมคิดว่ามันเป็นพวงมาลัยของ Pajero Sport แล้วนำมาใช้กับ Xpander Cross มันจะดีมั้ยซึ่งจากที่ได้ทดลองมาถือว่าดีมาก ๆ ครับ Handling นุ่นนวลตอบสนองได้ว่องไว แต่ถ้าใครสนใจรุ่นนี้ก็แนะนำให้มาลองขับก่อนครับ เพราะฟิลลิ่งของแต่ละท่านอาจจะไม่เหมือนกัน

ตัวเบาะนั่งสบาย ผมลองขับมาประมาณชั่วโมงครึ่งทั้งทางเรียบ และขึ้นเขาซิกแซกซ้ายขวา ก็ไม่รู้สึกเมื่อยเลย แต่น่าเสียดายที่รถคันนี้ไม่ได้ติดตั้งเบาะไฟฟ้ามาให้ และในเรื่องพื้นที่โดยรวมภายในนั่งสบาย และแอร์เย็นมาก ๆ ครับไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังก็ตามซึ่งถือว่าโอเคเลยครับ

อัตราสิ้นเปลืองของคันนี้ที่ผมลองขับมาประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร เฉลี่ยอยู่ที่ 13.5 กม./ลิตร ซึ่งถ้านำไปเปรียบเทียบกับตัวปรกติแล้วก็จะเฉลี่ยอยู่ใกล้เคียงกัน จะอยู่ประมาณ 12-14 กม./ลิตร ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละคน

ในเรื่องของสมรรถนะ Mitsubishi Xpander Cross 2023 นอกจากได้ขับทางเรียบแล้วเราก็มาลองทางทางขรุขระหรือทางฝุ่นกันด้วยครับ ซึ่งในการทดสอบความเร็วที่ใช้ก็จะจำกัดเพื่อความปลอดภัยโดยเราจะขับกันในความเร็ว 50-60 กม./ชม. ซึ่งในความเร็วขนาดนี้และสภาพของถนนที่ทดลองขับถือว่าทำได้ดี

ไฮไลท์อีกอย่างของคันนี้คือช่วงล่างที่นุ่มมาก ๆ และเกาะถนนได้ดี ถ้าคุณเคยขับ Xpander รุ่นก่อน ๆ มาจะรู้สึกได้ว่ารุ่นนี้มีความแตกต่าง ไม่ว่าจะขับบนถนนทางเรียบ หรือทางขรุขระ ซึ่งรถ MPV รุ่นอื่น ๆ ที่เป็นรุ่น Sport ก็อาจจะนำมาขับลุยแบบนี้ไม่ได้มาก จะเป็นเรื่องของการออกแบบ และการดีไซน์ของตัวรถซะมากกว่า แต่คันนี้จากที่ผมลองสามารถขับลุยได้จริง ๆ ครับ ผมลองขับในทางขรุขระ หรือทางฝุ่นด้วยความเร็ว 35 กม./ชม. ช่วงล่างเกาะถนนได้ดี และพวงมาลัยควบคุมได้นุ่มมาก ๆ ผู้หญิง หรือผู้ชายก็สามารถขับได้สบาย ๆ ครับ

และเราจะมาลอง Traction Control ระบบจะช่วยการขับขี่อัตโนมัติเราไม่ต้องตั้งค่าอะไร เพียงแค่เหยียบคันเร่งอย่างเดียว เราก็สามารถขับขึ้นเนินลาดชันได้สบาย ๆ ครับ และระบบ AYC หรือ Active Yaw Control ที่ช่วยให้การเข้าโค้งได้ดีขึ้นซึ่งระบบนี้จะทำงานเมื่อเราเข้าโค้งและเหมือนจะเอาตัวรถไม่อยู่ซึ่งสามารถช่วยในการขับขี่ได้มากเลยครับ

ในเรื่องของการออกแบบ รถคันนี้จะให้ 2 อารมณ์เวลาจอดอยู่ในโชว์รูม หรืองานแสดงรถก็ให้ให้ความรู้สึกที่ Luxury แต่เวลานำออกมาขับบนถนนหรือเส้นทาง Adventure ก็จะให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป ซึ่งจะให้ฟิลลิ่งที่ต่างกัน ซึ่งดีไซน์ภายนอกของคันนี้ผมจะชอบมากกว่ารุ่นก่อน ๆ และสีของตัวรถจะมีให้เลือกทั้งสีเขียว สีขาว และสีดำ

และในขณะเดียวกันภายในมันจะล้อกับตัว Xpander ที่เปิดตัวไปปีที่แล้วคือมีความ Luxury มากขึ้น แต่ก็ยังมีบางจุดที่มองว่ายังไม่ดีสักเท่าไหร่เช่น หน้าจอ Entertainment รวมถึงหน้าจอคนขับที่สะดวกสะบายต่อการควบคุมแต่ก็มีระบบบางอย่างถ้าทำให้ดูทันสมัยมากกว่านี้ก็จะดีครับ และกล้องมองหลังที่มีความละเอียดของยังไม่ชัดเจน นี่ก็คือความเห็นเกี่ยวกับภายในของรถ แต่ถ้าจะพูดถึงสมรรถนะการใช้งานโดยรวมของรถถือว่าโอเคเลยครับ

จุดที่เพิ่มเติมของรถคันนี้เราจะมาดูที่ภายนอกกันก่อน กระจังหน้า และไฟหน้าเป็นดีไซน์ใหม่ที่สำคัญคือไม่ได้เป็นแบบไฮโดรเจนแล้วแต่เปลี่ยนเป็น LED และในส่วนคิ้วด้านข้างใต้รถที่เป็นสีเงินที่มีเหมือนตัวก่อนแต่มีความแตกต่างตรงที่เปิดประตูแล้วจะไม่ติด เสา A ไปถึงเสา C จะเป็นแถบสีดำลากยาวให้โทน Adventure และ Ground Clearance หรือค่าความสูงของรถจะลดจากตัวเก่าลงมา 5 มิลลิเมตรเป็นคือ 220 มิลลิเมตร 1 ในเหตุผลที่ลดลงมาเนื่องจากเกียร์ CVT แต่การที่ตัวลดต่ำลงมาถือว่าเป็นข้อดีเพราะจะช่วยในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ในช่วงการเข้าโค้งหรือต้องหักกระทันหันเราจะรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเก่า

ส่วนภายในโดยรวม จะคล้าย ๆ กับ X-Pander ใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วจะมีโทน Luxury อยู่พอสมควร พวงมาลัยก็จะเป็น 1 ในไฮไลท์โดยใช้ทรงแบบ Pajero Sport รวมทั้งหน้าปัดคนขับก็จะเป็นแบบ Pajero Sport ระบบปรับอากาศจะเป็นแบบกรอง PM 2.5 และวัสดุของเบาะก็เป็นแบบใหม่และลายใหม่เช่นเดียวกัน

อีกจุดที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของราคา สำหรับ X-Pander Cross คันนี้ราคาอยู่ที่ 946,000 บาทซึ่งราคานี้ยังไม่ได้รวมกับราคาของการเลือกสีเพราะถ้าคุณเลือกสีทูโทนหรือสีขาว ราคาจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเทียบกับ X-Pander ตัวปรกติซึ่งมีราคาอยู่ที่ 895,000 บาท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบแล้วราคาจะต่างกันอยู่ที่ 51,000 บาท ความคิดเห็นส่วนตัวของผม ถ้าเรากำลังสนใจ X-Pander Cross เราควรจะเลือกตัวปรกติหรือตัว Cross ซึ่งผมจะเชียร์ไปตัว Cross คุณอาจจะต้องเพิ่มเงินประมาณ 50,000 บาท แต่คุณจะได้ในเรื่องดีไซน์และออพชั่นบางอย่างที่เค้าให้มารวมทั้งช่วงล่าง ผมจึงคิดว่ามันคุ้มค่ากับการเพิ่มเงินในสิ่งที่ Mitsubishi ให้มา ผมแนะนำนะครับว่าถ้าใครกำลังสนในให้ไปทดลองขับรุ่น Cross นี้ และไปลองตัว X-Pander ปรกติแล้วคุณลองหักหรือกลับรถคุณจะสัมผัสถึงความแตกต่างได้เลย รวมถึงตัวพวงมาลัยได้ผมคิดว่าคุ้มค่าครับ

แต่อีกนัยนึงถ้าเราไม่ได้สนใจ X-Pander Cross เรายังมีตัวเลือกอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งก็จะมีรุ่นที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ไม่ว่าจะเป็น Suzuki XL7, Suzuki Ertiga, Honda HR-V, Honda BR-V รวมถึง Toyota Veloz ถ้าคุณเปรียบในเรื่องราคาแล้วราคาจะเบากว่าคันนี้เยอะเลยอาจจะถึงหลักแสน มันเลยทำให้มีข้อคิดในการเปรียบเทียบเรื่องราคา หรือรถราคาระดับนี้คุณสามารถไปดูถึงกลุ่ม B-SUV ได้เลยครับเช่น Nissan Kicks, Honda HR-V ตัวต้น, Mazda CX-30, Toyota Cross, MG HS หรือ Haval Jolions ซึ่งจะเปรียบเทียบกันได้เลยในเรื่องของราคาแต่จุดที่มีความแตกต่างคือเรื่องของจำนวนที่นั่งซึ่ง X-Pander Cross จะมี 7 ที่นั่ง ส่วนคันอื่น ๆ จะมี 5 ที่นั่ง

ถ้าใครสนใจ Mitsubishi X-Pander Cross ผมก็แนะนำให้ไปชมที่งานแสดงรถ เพราะมีรถหลายรุ่นให้เปรียบเทียบ แต่ก็อยากให้สอบถามเพิ่มเติมในเรื่องของโปรโมชั่น, ดอกเบี้ย และสุดท้ายก็คือเรื่องระยะเวลาการส่งมอบรถ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าจะต้องรอนานครับ ในส่วนของเรื่องอะไหล่ ผมลองสอบถามมาให้แล้วรอไม่นานครับ

*สามารถชมคลิปรีวิวฉบับเต็มได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยครับ