NISSAN ALMERA 2023 เพิ่มราคายังน่าซื้ออยู่มั้ย

Review NISSAN ALMERA 2023

หลังจากใช้งานจริง Nissan Almera Minor Change ปี 2023 คุ้มกับการเพิ่มเงินหรือไม่ สำหรับรถคันนี้ถึงแม้ว่าจะเพิ่มราคาขึ้นมา แต่ถ้าคุณดูในเรื่องของ Option และ Feature ที่ใส่มาให้ถือว่าเยอะอยู่พอสมควร ราคาของคันนี้ในรุ่นท็อปหรือรุ่น VL จะอยู่ที่ 699,000 บาท ถ้าถามมุมมองของผมว่ารถคันนี้คุ้มค่าหรือไม่ ผมก็จะตอบสั้น ๆ เลยว่าคุ้มอยู่พอสมควรเลยครับ

สำหรับ Nissan Almera จะมีให้เลือกอยู่หลายสีแต่ตอนที่ผมมาทดสอบนี้จะมีอยู่ 4 สี นั่นก็คือสีแดง Radiant Red, สีเทา Gray Sky Pearl, สีขาว Strom White และสีเทาล้วน Gun Metallic ถ้าถามมุมมองผมว่าสีไหนสวยที่สุด ผมคิดว่าเป็นสีขาว และสีเทาครับ แต่สำหรับสีแดงผมคิดว่าอาจจะไม่ค่อยดูวัยรุ่นสักเท่าไหร่อาจจะดูคลาสสิคเรียบ ๆ ไปหน่อย และในรุ่นนี้เรายังสามารถเพิ่มชุดแต่งได้ด้วย โดยจะมีหลายออพชั่นที่คุณเลือกได้

ถ้าคุณสังเกตุจากคันที่อยู่กับผมตอนนี้จะเป็นแบบคลาสสิค สังเกตุได้จากกระจังหน้า แต่กับอีกคันที่กระจังหน้าเป็นสีดำทั้งหมดนั่นจะเป็นชุดแต่งที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งคุณสามารถเลือกได้หลายส่วน เช่นเปลี่ยนแค่กระจังหน้าโดยจ่ายเงินเพิ่ม 6,900 บาท แต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนรอบคันได้แก่ สเกิร์ตด้านหน้า, ด้านข้าง 2 ฝั่ง และด้านท้ายราคาจะอยู่ที่ 19,900 บาท ในราคานี้จะรวมสปอยเลอร์ด้วยรวมเป็น 5 ชิ้น และถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนชุดเต็มราคาจะอยู่ที่ 29,000 บาท ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละท่านว่าจะเปลี่ยนแค่บางส่วน หรือว่าทั้งหมดเลยก็สามารถสอบถามกับทางโชว์รูมได้ครับ

ข้อดีของการติดชุดแต่งกับทาง Nissan นั่นก็คือคุณสามารถรวมราคากับไฟแนนส์ได้เลยไม่ต้องแยก ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ พร้อมทั้งการรับประกันต่าง ๆ ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับการไปติดชุดแต่งข้างนอกครับ

สีภายนอกถ้าคุณอยากจะได้สีที่ดูคลาสสิคเช่นสีแดง หรือสีเทานมที่จอดอยู่ด้านหลังนี้ คุณก็จะต้องเพิ่มเงินจากราคาเดิมอีกไม่เกิน 15,000 บาท

สำหรับรถ Eco Car ในตลาดบ้านเราถือว่ามีเยอะมาก ๆ ถ้าพูดถึงเจ้าตลาดใหญ่ ๆ เช่น Toyota Yaris Ativ ราคา 699,000 บาท, Honda City ราคา 579,500 – 739,000 บาท, Mazda 2 ราคา 546,000 - 690,000 บาท และถ้าคุณเอาราคาของ Nissan Almera มาเปรียบเทียบยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ซึ่งราคาก็จะเท่ากับ Toyota Yaris Ativ ตัวท็อป และ Mazda 2 ที่เป็นตัวเบนซิน แต่ถ้าเทียบกับ Honda City รุ่น RS ราคาของ Honda จะสูงกว่า 40,000 บาท แต่ถ้าดู Nissan Almera ในเรื่อง Option ต่าง ๆ ที่มีมาให้ก็ถือว่าใกล้เคียงกับพวงเจ้าตลาดเลยครับ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวหรือถ้าจะดูค่ายอื่น ๆ ที่อยู่ในเลทราคาเดียวกันก็จะมี MG 5 ราคา 585,000 – 709,000 บาทหรือจะเป็นราคาที่ต่ำกว่าก็จะมี Suzuki Swift ราคา 567,000 – 637,000 บาท และ Suzuki Ciaz ราคา 528,000 – 648,000 บาท

ในเรื่องของดีไซน์ในมุมมองของผม Nissan Almera น่าสนใจอยู่ครับดูสวยสปอร์ท และเร้าใจอยู่พอสมควร สามรถตอบได้หลายโจทย์ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นดุดันสปอร์ทเราก็เลือกรุ่น VL และเอาชุดแต่งไปเพิ่ม หรือถ้าอยากได้เรียบ ๆ เราก็ไม่ต้องเพิ่มชุดแต่งแถมยังช่วยประหยัดเข้าไปอีก

สำหรับ Feature และ Option ของ Nissan Almera นี้เปรียบเทียบในรุ่นที่ใกล้เคียงกันถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ถือว่าครบอยู่พอสมควรเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องไฟที่เพิ่มระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติหรือ Hight Beam Assistant และนอกเหนือจากนี้จะมีกล้อง 360 องศาพร้อมทั้งหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นฟร้อนก็ใหญ่ขึ้นด้วยทำให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็จะมีระบบเช็คลมยาง รวมทั้งโลโก้ Nissan ที่เปลี่ยนเป็นแบบใหม่ทั้งหมด รวมทั้งกุญแจรีโมทแบบใหม่ที่เพิ่ม Option ในเรื่องการสตาร์ทเครื่องจากนอกรถเป็นต้น ในเรื่องความปลอดภัยยังเพิ่มระบบ Blind Spot, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนการออกนอกเลนก็มีมาให้ และสุดท้ายพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่กว้างมากเก็บของได้เยอะขึ้น สามารถวางกระเป๋าเดินทางได้ 3 ใบสบาย ๆ ครับ

ในเรื่องการขับขี่ Nissan Almera มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.0L Turbo 3 สูบแรงม้าอยู่ที่ 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ซึ่งถ้าเราดูแค่ตัวเลข 1.0 อาจจะรู้สึกว่าจะมีแรงหรอ แต่ก็อยากให้ลองมาขับเองครับอย่าดูที่ตัวเลขเพราะจากประสบการณ์ที่ผมเคยขับคันนี้มา ถ้าคุณเคยขับ Nissan Almera รุ่นก่อนหน้านี้มาฟิลลิ่งมันจะคล้าย ๆ กันจะให้ฟิลลิ่งแบบขับสนุก, แรง, ทันใจ

ถ้าคุณขับอยู่ในความเร็วต่ำเช่นในเมืองที่มีรถติด หรือความเร็วระดับกลาง 50-80 กม./ชม. หรือ 80-120 กม./ชม.ขึ้นไปรถคันนี้ก็ตอบโจทย์หมดเลยครับ แต่แน่นอนว่าคันนี้เป็นรถ Eco Car ซึ่งจะไม่จี๊ดจ๊าด และให้อัตราความเร็วที่สปอร์ทมาก แต่เมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกันถือว่าโอเคเลย

การขับครั้งนี้ผมขับจากกรุงเทพ ไปสระบุรี เพื่อที่จะทดสอบเรื่องอัตราสิ้นเปลือง และอัตราเร่งโดยรวม

จากการทดลองเร่งความเร็วจากความเร็ว 100 กม./ชม. ก็เร่งได้ทันใจแต่ก็จะมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามา สำหรับเรื่องการเบรกก็ตอบสนองได้ดีเหยียบแค่นิดเดียวก็อยู่แล้วครับ การเข้าโค้งในความเร็ว 50-70 กม./ชม. การเข้าโค้งเล็กน้อย Handling พวงมาลัยทำได้นุ่มนวล

การเร่งความเร็วจาก 80 กม./ชม. ขึ้นไปถึง 120 กม./ชม. จะให้ฟิลลิ่งที่แตกต่างกันนิดนึงแต่ยังถือว่าเร็วอยู่ครับ แต่ก็จะมีเสียงเครื่องยนต์ด้วยอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบเสียงเงียบ ๆ แต่คนที่ชอบความเร้าใจอาจจะชอบ

การเร่งความเร็วตอบสนองได้ดี รอบเครื่องทำได้ดีอยู่พอสมควรโดยวัดจากตัวเลขหน้าปัด และความรู้สึก จะไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการอืดและช้าเลย

เรื่อง Handling ของพวงมาลัยจับกระชับดีมาก เวลาเราเปลี่ยนเลนส์ การหักเข้าโค้งควบคุมได้ง่าย ตัวพวงมาลังปรับได้ 4 ทิศทาง ขึ้นลง – เข้าออก น้ำหนักพวงมาลัยไม่ได้หนักมากขับสบายแต่วัสดุตัวก้านอาจจะแข็งนิดหน่อย

ทัศนะวิสัยโดยรวมถือว่ากว้าง กระจกมองหลังที่เป็นดีไซน์ใหม่สวยและมองได้กว้างชัดเจนมีความรีเฟล็กนิดหน่อย แต่ไม่กระทบต่อการใช้งาน กระจกมองข้างจะไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดิมตรงเสา A แต่จะลดตำแหน่งลงนิดหน่อยเพื่อมีช่องให้มองมากขึ้นในตอนกลับรถ หรือบางมุมที่อับสายตา

จากที่ขับมาระยะนึงเรื่องเบาะถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ตัวเบาะค่อนข้างนิ่มนั่งสบายทั้งตอนที่จอดอยู่ หรือนำมาขับเพราะบางคัน เบาะดูนิ่มแต่เวลาขับไกล ๆ จะให้ฟิลลิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่คันนี้เหมือนกันเลยครับแถมที่พิงศรีษะก็นุ่มสบายมาก น่าเสียดายอย่างเดียวที่ไม่ได้เป็นเบาะไฟฟ้า

นอกจากฟิลลิ่งการขับขี่ที่ดีแล้วอีกหนึ่งไฮไลท์ของคันนี้ก็คือเรื่อง Feature, Option และระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ถือว่าดีมาก ๆ ในรถระดับเดียวกัน สามารถเชื่อต่อ Apple CarPlay, Android Auto ได้รวมทั้งมีระบบ Nissan Connect ที่สามารถ Start, ล็อค/ปลดล็อครถรวมทั้งฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้จากโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ในเรื่องความปลอดภัยจะมี Blind Spot ให้ที่จะมีสัญญาณไฟสีส้ม และมีเสียงเตือนเมื่อเราเปิดไฟเลี้ยวและมีรถอยู่ในเลนส์ด้านข้างที่จะเลี้ยว ซึ่งบางคันอาจจะมีสัญญาณเตือนแต่จะไม่มีเสียง แต่โดยส่วนตัวผมชอบแบบมีเสียงเตือนมากกว่าเพราะบางครั้งเราอาจจะไม่ได้สังเกตุไฟที่เตือน และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนส์โดยจะเตือนผ่านการสั่นของพวงมาลัยแต่จะไม่ได้เป็นการดึงเรากลับและมีสัญญาณเตือนที่หน้าจอด้วย นอกจากนี้จะเป็นระบบเตือนลมยางที่ดูได้จากหน้าปัดแต่จะสามารถดูได้เมื่อรถเคลื่อนตัว

ระบบไฟหน้าเป็น LED ทั้งหมดและมีระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติมาให้ด้วย

กล้อง 360 องศาก็มีติดตั้งมาให้แต่ถ้าดูเรื่องการใช้งานจริง ๆ แล้วอาจจะไม่ได้ชัดมาก ซึ่งในกลุ่ม Eco Car ด้วยกันก็จะไม่ค่อยชัดเป็นปรกติอยู่แล้ว แต่ถ้าจะเปรียบเทียบบางคันมีให้เพียงกล้องมองหน้า หรือหลังเท่านั้น ซึ่งถือว่าดีครับ

รวมทั้งระบบ SOS ที่ติดตั้งอยู่บริเวณไฟห้องโดยสารด้านหน้าที่เราสามารถเปิดขึ้นมาและกดปุ่ม SOS ได้โดยกดแช่ไว้ประมาณ 1-2 วินาทีทาง Call Center ของ Nissan ก็จะติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามการช่วยเหลือ

ใต้คอนโซลด้านหน้าของคันนี้จะมี Wireless Charger ติดตั้งมาให้ด้วยถือว่าโอเคเลยครับ รวมทั้งที่พวงมาลัยจะมีระบบ Cruise Control มาให้แต่จะไม่ได้เป็นแบบ Adaptive Cruise Control

และอีกสิ่งที่สำคัญของคันนี้เลยคือระบบปรับอากาศ จากที่ได้ลองขับมาแอร์ของคันนี้เย็นใช้ได้เลย แอร์ด้านหลังจะไม่มีมาให้ครับแต่ถ้ามีผู้โดยสารด้านหลังแค่เร่งแอร์ไปเบอร์ที่สูงขึ้นผมก็คิดว่าเพียงพอ

เบาะหลังนุ่มนั่งสบาย พื้นที่ Leg Room ด้านหลังของคันนี้กว้างพอสมควรแต่แนะนำให้นั่งเพียง 2 คนถ้ามากกว่านั้นอาจจะเบียดกันนิดนึง แต่โดยปรกติแล้วพื้นที่ของรถ Eco Car ก็จะไม่ค่อยกว้างอยู่แล้วแต่ถ้าจะเปรียบเทียบกันคันนี้ถือว่ากว้างแล้วครับ ในเรื่อง Headroom และ Space โดยรอบของคันนี้ไม่มีปัญหา แอร์มาถึงด้านหลังได้สบาย รวมทั้งวัสดุที่กาบประตูดูดี และนิ่มมาก

จากการขับครั้งนี้จากกรุงเทพฯ มาสระบุรี รวมระยะทางประมาณ 130 กม. อัตราสิ้นเปลืองจากการขับของผมที่ไม่เน้นประหยัดจะอยู่ที่ 19.3 กม./ลิตร แต่ถ้าเราขับในเมืองที่ไม่ได้ใช้ความเร็วผมคิดว่าน่าจะวัดที่ได้ 20-22 กม./ลิตรสบาย ๆ เลยครับซึ่งตัวเลขที่ทาง Nissan แจ้งมาจะอยู่ที่ 23 กม./ลิตร ซึ่งใกล้เคียงกันครับ

การเก็บเสียงของคันนี้เก็บเสียงภายนอกได้ดีมาก ๆ แต่ก็อาจจะได้ยินพวกเสียงของรถบรรทุกเข้ามาบ้าง

การขับขี่โดยรวมของคันนี้ดีมากทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ Standard แต่อัตราเร่งดีครับทั้งในความเร็ว ต่ำ-กลาง-สูง ถ้าจะเทียบกับ Honda City อาจจะให้ความ Sport ดุดันกว่าแต่ก็จะเก็บเสียงไม่ดีเท่าคันนี้ แต่ถ้าจะเทียบกับ Mazda 2 อาจจะขับขี่สนุกกว่าคันนี้นิดหน่อย ไม่ได้ต่างกันมาก สุดท้ายคือ Toyota Yaris Ativ ที่จะเน้นสไตล์รถครอบครัวที่มีอัตราการเร่งที่ดี ยกเว้นเรื่องความเร็วสูงในช่วง 90-120 กม./ชม. ขึ้นไปอาจจะตอบสนองช้านิดนึง และนี่ก็เป็นการเปรียบเทียบคร่าว ๆ สำหรับคนที่กำลังสนใจรถ Eco Car อยู่ครับ

*สามารถชมคลิปรีวิวฉบับเต็มได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยครับ