Search
Close this search box.

ลองขับ All-New Honda BR-V (2022) เครื่องแรงเหมือนราคาสรุปแล้วคุ้มหรือไม่

สำหรับ All-New Honda BR-V เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาตัวท็อปจะอยู่ที่ 977,000 บาท ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบราคากับยี่ห้ออื่นที่อยู่ในเซ็กเมนท์เดียวกันไม่ว่าจะเป็น Suzuki XL7, Mitsubishi Xpander หรือ Toyota Veloz จะเห็นได้ว่าราคาของ Honda BR-V จะสูงที่สุด ถ้าคุณเปรียบเทียบกับยี่ห้อเดียวกัน Honda HR-V e:HEV ราคาเริ่มต้นที่ 979,000 จะไม่ค่อยต่างกันแถมคุณจะได้เครื่องยนต์เป็นเครื่อง Hybrid และสมรรถนะต่าง ๆ ก็จะดีกว่าด้วยครับ

All-New Honda BR-V ถ้าเราตัดปัญหาเรื่องราคาออกไป และดูในเรื่องของดีไซน์ภายนอก ภายในที่ดูทันสมัย รวมทั้งสมรรถนะการขับขี่ Option ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Honda Sensing, Honda Lane Watch ซึ่งถือว่าให้มาครบและดีอยู่ครับ ถ้าจะเอา Option ต่าง ๆ นี้ไปเทียบกับคู่แข่งก็จะเหนือกว่า แต่ปัญหาหลัก ๆ

All-New Honda BR-V จะมีให้เลือก 2 รุ่นนั่นคือรุ่น E และ EL Option โดยรวมก็จะใกล้คียงกัน แต่จะมีดีไซน์บางจุดที่แตกต่างกันโดยเฉพาะดีไซน์ของล้อ
ดีไซน์โดยรวมจะมีการปรับเปลี่ยนทุกอย่าง ซึ่งสำหรับผมจะดูทันสมัย และมีเสน่าห์มาก ๆ ถ้าเทียบกับคู่แข่ง จุดไฮไลท์ในเรื่องดีไซน์ก็คือกระจังหน้าที่ดูทันสมัยมากขึ้น ไฟของรุ่นท็อปจะเป็น LED ทั้งหมด จะขาดก็แต่กล้อง 360 องศา มีแค่กล้องหลังให้

ยางจะใช้ของ Bridgestone 215/55 และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์สวยงาม แต่ล้อของรุ่น E ดีไซน์จะเหมือนกับล้อกระทะ

องศาการเปิดประตูถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ สำหรับรถคันนี้เปิดได้ค่อนข้างกว้างทั้งด้านหน้า และด้านหลัง แต่สำหรับท่านใดที่นำไปใช้เป็นรถครอบครัวและมีผู้สูงอายุ รถคันนี้จะมีความสูงจากพื้นสูงกว่ารุ่นเก่านะครับ แต่ข้อดีตรงที่เราสามารถใช้ลุยถนนขรุขระได้ดี

Keyless Entry จะมีให้เฉพาะด้านหน้าเท่านั้น ส่วนด้านท้ายจะมีลักษณะเรียบ แต่ดูหรูหรา ที่เปิดประตูท้ายไม่ได้เป็นแบบไฟฟ้า เปิดประตูท้ายขึ้นมา แผ่นพื้นที่เก็บของสามารถวางได้ 2 ระดับ พื้นที่เก็บสัมภาระสามารถพับเบาะตอนหลังลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

พื้นที่ภายในโดยรวมถือว่ากว้างอยู่พอสมควรโดยเฉพาะแถวด้านหน้า รถคันนี้สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto กล้องมองหลังภาพถือว่าโอเคครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนภาพอาจจะแตกเล็กน้อย ที่บังแดดทั้ง 2 ด้านจะมีกระจกและไฟแต่งหน้ามาให้

เบาะด้านหลังมีพื้นที่กว้าง แอร์ด้านหลังมีมาให้ 3 ช่อง ตำแหน่งจะอยู่ใกล้กับผู้โดยสารแถว 2 สำหรับผู้โดยสารแถว 3 อาจจะใช้เวลาในการทำความเย็นนิดหน่อย วัสดุของเบาะจะเหมือนกับเบาะด้านหน้าตรงพนักพิงหลังอาจจะนั่งไม่ค่อยสบายเพราะจะมีสันที่ยื่นออกมาดันหลัง นั่งแล้วรู้สึกไม่กระชับและล็อกตัวเวลารถเลี้ยว เบาะแถว 2 สามารถปรับเอนได้

เบาะแถวที่ 3 มีลักษณะแคบจะไม่ค่อยเหมาะกับคนตัวใหญ่ อาจจะรู้สึกแคบโดยเฉพาะบริเวณ Leg Room และเวลาโดยสารระยะทางไกลอาจจะนั่งไม่สบายเนื่องจากเบาะแถวที่ 3 จะมีแรงกระแทกมากที่สุด ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง มีที่วางของและแก้วน้ำให้ และมีช่องจ่ายไฟให้ 1 ช่องอำนวยความสะดวกได้ดี ซึ่งโดยรวมถือว่าโอเค ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละท่านครับ และนี่คือการใช้งาน รวมทั้งดีไซน์ของทั้งภายนอก และภายในครับ

การทดลองขับ All-New Honda BR-V ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ CV-T พร้อม Paddle Shift ที่พวงมาลัย ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดีสเบรก พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทอิสระ พร้อมเหล็กกันโครง ด้านหลังเป็นทอชั่นบีม การทดสอบช่วงล่าง ด้วยช่วงล่างที่สูงขึ้นช่วยให้การกระแทกหรือการขับบนพื้นถนนที่ไม่เรียบดีขึ้น ซับแรงกระแทกได้ดี ระบบ Handling ทำได้ดีวงเลี้ยวแคบเลี้ยว และกลับรถได้สะดวก

พอลองเร่งความเร็วจาก 60 กม./ชม. ไปถึงประมาณ 110 กม./ชม. จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ได้ชัดเจนตอน Kickdown เรื่องอัตราเร่งทำได้ดี ความเร็วจาก 80 กม./ชม. ไปถึงประมาณ 150 กม./ชม. ช่วงระหว่าง 80 – 120 จะเร่งได้ดี แต่เมื่อเร่งถึง 130 กม./ชม. ขึ้นไปจะเริ่มช้าลง และจากที่ทดลองขับมาเสียงลมจากภายนอกจะเริ่มได้ยิน
ในเรื่องระบบต่าง ๆ รถคันนี้จะมี Honda Sensing มาให้ทั้งรุ่น E และ EL และ Honda Lane Watch ก็เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของระบบรถคันนี้ จากที่ลองใช้ตอนกลางวันภาพแสดงได้ชัดเจน ระบบ Lane Departure จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อเส้นเลนถนนชัดเจน ซึ่งเราอาจจะพึ่งพาระบบนี้ตลอดเวลาไม่ได้

การทดสอบ 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 12.7 วินาทีโดยประมาณ ซึ่งตอนเหยียบคันเร่งแบบคิกดาวน์เราจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์อย่างชัดเจน แต่ถ้าเวลาเราเหยียบคันเร่งแบบครึ่งเดียวจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ได้ฟิลลิ่งที่แตกต่างกัน

สปีดต้นของรถคันนี้ไม่รู้สึกว่าเร็วมากแต่ถือว่าโอเค เมื่อไปเปรียบเทียบกับรถเซ็กเมนท์เดียวกัน ส่วนความเร็วสูงประมาณ 80-100 ก็ทำได้ดีเหมือนกัน รอบและช่วงต่อเกียร์มาต่อเนื่องไม่มีอาการกระตุกหรือชะงัก ซึ่งถ้าเทียบกับคันอื่นในเซ็กเมนท์เดียวกันบางคันก็จะทำได้ดีในสปีดต้น บางคันก็สปีดปลาย แต่ของ Honda BR-V คันนี้ทำได้ดีทั้งสปีดต้นและปลาย

การขับขี่โดยรวม เรื่อง Handling พวงมาลัยจะไม่ได้เป็นทรง Sport ของ Honda ที่เราคุ้นเคยกันแต่ก็เป็นรูปแบบปรกติของรถ SUV น้ำหนักพวงมาลัยก็อยู่ในระดับกลางไม่ได้หนักหรือเบาเกินไป จะไม่กระชับมือซะทีเดียวเหมือนรุ่น City หรือ Civic จะกระชับมือมากกว่าตามแบบฉบับรถซีดาน

การเข้าโค้งและช่วงล่างทำได้ดี เปลี่ยนเลนส์ได้สมูท ไม่รู้สึกโยน แต่รถคันนี้เป็นรถที่มีผู้โดยสารนั่ง 3 แถวแรงสะเทือน และแรงเหวี่ยงต่าง ๆ ผู้โดยสารแถวที่ 2-3 จะรู้สึกได้มากที่สุด

ทัศนะวิสัยของรถคันนี้ถือว่ากว้างมองเห็นพื้นถนนได้ชัดเจน เพราะว่าตัวเบาะ และโครงสร้างของตัวรถที่สูง กระจกมองหลังไม่ได้เป็นแบบตัดแสง มุมมองผ่านกระจกหลังกว้างพอสมควร

เบาะคนขับไม่ได้เป็บแบบปรับไฟฟ้า ของยี่ห้ออื่นก็ไม่ได้เป็นไฟฟ้าเช่นเดียวกัน แต่ถ้าจะเปรียบเทียบกับราคาก็ควรจะมีมาให้เพื่อความแตกต่าง จากการทดลองนั่งโดยส่วนตัวของผมคิดว่านั่งไม่สบายเท่าไหร่ เพราะพนักพิงหลังจะมีส่วนที่ทิ่มและดันหลังเราอยู่ รวมทั้งเบาะจะไม่ได้กระชับ และล็อกตัวเราเท่าที่ควร อยากให้มาลองนั่งและทดลองขับกันก่อนนะครับ

รถคันนี้ถ้าเติมน้ำมันเต็มถังสามารถทำระยะทางได้ประมาณ 480 กม. ผมลองขับมาประมาณ 60 กม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14 กม./ลิตร ซึ่งตัวเลขจาก Honda แจ้งมาจะอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร ก็ใกล้เคียงกันอยู่พอสมควรครับ เมื่อขับอยู่ในรอบต่ำหรือปล่อยคันเร่งสัญลักษณ์ ECO จะขึ้นอยู่ที่หน้าปัดเพื่อให้เรารู้ว่ากำลังขับขี่แบบประหยัดอยู่

สรุปการขับ All New Honda BR-V หลังจากที่ได้ทดลองขับจากรุงเทพฯ ไปสระบุรี และขับกลับรวมแล้วประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 15.4 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าโอเคอยู่แต่ก็จะขึ้นอยู่ที่การขับขี่ของเราด้วยนะครับ

การเร่งทั้งความเร็วต่ำ และความเร็วสูงถือว่าทำได้ดีเลยครับซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทาง Honda อยู่แล้ว ซึ่งถ้าเทียบกับ Toyota Veloz ในความเร็วต่ำ 0-50 กม./ชม. จะใช้เวลานิดหน่อย แต่เมื่อเข้าสู่ความเร็วสูงจะทำได้ดี ซึ่งจะกลับกันกับ Suzuki XL7 ที่จะทำได้ดีกับช่วงความเร็วต่ำ

สรุปเรื่องการตัดสินใจซื้อโดยส่วยตัวของผมจะไม่ได้เป็นสายรถ SUV กลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะต้องเลือกจริง ๆ ก็จะอยู่ที่งบประมาณของเราด้วย สำหรับ Honda BR-V การใช้งานต่าง ๆ โอเคอยู่ระดับนึงแต่ราคาก็สูงเกินไป ซึ่งถ้าจะเทียบกับกลุ่มคู่แข่งที่ราคาจะถูกกว่าประมาณ 100,000 กว่าบาท โดยเฉพาะ Toyata Veloz ตัวต้นที่ราคาจะอยู่ที่ 7 แสนปลาย ๆ ราคาของ Honda BR-V จะราคาเกือบ 1 ล้านบาท ราคานี้สามารถนำไปเทียบกับกลุ่ม B-SUV ได้เลยครับ เช่น MG VS ที่เพิ่งเปิดตัวไปหรือในแบรนด์เดียวกัน เช่น Honda HR-V ราคาก็เกือบจะเท่ากันเลยครับ นอกจากนี้ก็จะมี Toyota Cross และ Mazda CX-30 ตัวต้น และก็ยังมีอีกหลายตัวที่ราคาใกล้เคียงกัน ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละท่านครับ

*สามารถชมคลิปรีวิวฉบับเต็มได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยครับ