ยอดขายรถยนต์เดือนกรกฎาคม 49,102 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% โตโยต้ายังครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาด 7 เดือนแรกที่ 37.5%

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ยอดขายตลาดรวม 49,102 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 18,760 คัน เพิ่มขึ้น 13.3% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 30,342 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 14,842 คัน ลดลง 8%

ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2568 มียอดขาย 49,102 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งปรับตัวดีขึ้น ด้วยยอดขาย 18,760 คัน เพิ่มขึ้น 13.3% จากปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ยอดขาย 30,342 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 14,842 คัน ลดลง 8% รถยนต์ HEV มียอดขาย 11,144 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 24% และมียอดขายสะสมเจ็ดเดือนแรกถึง 78,354 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 51% ของตลาด xEV ทั้งหมด

สำหรับโตโยต้า ยังคงครองอันดับหนึ่งตลาดรถยนต์ ด้วยยอดขายสะสมเจ็ดเดือนแรกถึง 132,049 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 37.5% นำโดย Hilux REVO 29,366 คัน และ Yaris ATIV 30,813 คัน

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม มีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากความกังวลจากหลายปัจจัยและผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ อาจส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ การปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงภาคเอกชนยังคงรอดูนโยบายของรัฐบาลที่บรรเทาผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2568

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 49,102 คัน เพิ่มขึ้น 5.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 18,160 คัน เพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนแบ่งตลาด 37%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,485 คัน ลดลง 19.1% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,005 คัน ลดลง 8% ส่วนแบ่งตลาด 10.2%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,760 คัน เพิ่มขึ้น 13.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,395 คัน เพิ่มขึ้น 20.4% ส่วนแบ่งตลาด 34.1%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 2,894 คัน เพิ่มขึ้น 10.3% ส่วนแบ่งตลาด 15.4%
อันดับที่ 3 เอ็มจี 1,710 คัน เพิ่มขึ้น 127.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,342 คัน เพิ่มขึ้น 1.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,765 คัน ลดลง 5.7% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,485 คัน ลดลง 19.1% ส่วนแบ่งตลาด 18.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 2,111 คัน ลดลง 25.1% ส่วนแบ่งตลาด 7%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 14,842 คัน ลดลง 8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,773 คัน ลดลง 8.1% ส่วนแบ่งตลาด 45.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 4,515 คัน ลดลง 22.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,531 คัน ลดลง 21.4% ส่วนแบ่งตลาด 10.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,820 คัน
เกรท วอลล์ มอเตอร์ 1,110 คัน -– โตโยต้า 1,106 คัน -– อีซูซุ 904 คัน -– ฟอร์ด 555 คัน – มิตซูบิชิ 124 คัน – นิสสัน 21 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,022 คัน ลดลง 16.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,667 คัน ลดลง 11.9% ส่วนแบ่งตลาด 51.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 3,611 คัน ลดลง 22.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 976 คัน ลดลง 17.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 351,796 คัน ลดลง 0.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 132,049 คัน ลดลง 1.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 42,991 คัน ลดลง 19% ส่วนแบ่งตลาด 12.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 40,360 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 136,242 คัน เพิ่มขึ้น 0.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 46,039 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.8%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 22,566 คัน ลดลง 17.2% ส่วนแบ่งตลาด 16.6%
อันดับที่ 3 บีวายดี 12,132 คัน ลดลง 4.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 215,554 คัน ลดลง 1.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 86,010 คัน ลดลง 9.9% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 42,991 คัน ลดลง 19% ส่วนแบ่งตลาด 19.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 17,794 คัน ลดลง 18% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 109,557 คัน ลดลง 12%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 49,203 คัน ลดลง 13.8% ส่วนแบ่งตลาด 44.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 28,048 คัน ลดลง 19.6% ส่วนแบ่งตลาด 34.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 8,001 คัน ลดลง 17.4% ส่วนแบ่งตลาด 10%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 24,534 คัน
โตโยต้า 8,400 คัน - อีซูซุ 7,087 คัน - ฟอร์ด 4,272 คัน – เกรท วอลล์ มอเตอร์ 3,473 คัน - มิตซูบิชิ 1,012 คัน – นิสสัน 290 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 85,023 คัน ลดลง 17.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 40,803 คัน ลดลง 17% ส่วนแบ่งตลาด 48%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 30,232 คัน ลดลง 23.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 6,659 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

นอกจากส่วนลดพิเศษ 10%* แล้วนั้น GWM ขอมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติม** ไม่ว่าจะเป็น ฟรีประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท ฟรีฟิล์มกรองแสง ลามิน่า มูลค่า 11,900 บาท การรับประกันคุณภาพรถใหม่ เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ EV เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 180,000กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

GWM ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบภายใต้แนวคิด "เกิดมาคิวท์ บิลท์มาเซฟ" ผสานความงามเหนือกาลเวลากับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ตอบโจทย์ทั้งรูปลักษณ์และการใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมสร้างความมั่นใจบนทุกเส้นทางด้วยโครงสร้างตัวถังและระบบความปลอดภัยรอบด้าน

GWM ORA Good Cat มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ใช้เทคโนโลยี Short Blade Battery ที่มีความเสถียรสูง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย พร้อมระบบจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะ (BMS) ที่สามารถตัดไฟอัตโนมัติภายใน 0.1 วินาทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ขณะเดียวกัน โครงสร้างตัวถัง ทำมาจากเหล็กกล้า IronBone™ ที่มีความแข็งแรงสูง 65% และเหล็กเทอร์โมฟอร์ม 18 ชิ้น ซึ่งสามารถดูดซับ และลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จาก Australasian New Car Assessment Program** (ANCAP) และจาก European New Car Assessment Programme** (Euro NCAP) ซึ่งทั้งสองสถาบันเป็นสถาบันประเมินรถยนต์ใหม่ตามมาตรฐานออสตราเลเซียและยุโรปตามลำดับ (**สำหรับรถยนต์ ORA Good Cat รุ่นที่วางจำหน่ายในยุโรปและออสเตรเลีย)

ทดลองขับ GWM ORA Good Cat ได้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ กว่า 72 แห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GWM Contact Center 02-668-8888 หรือ และเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th/th/deal/ora-good-cat