Home
News
Review
Spec & Price
Press Release
Activities
Contact Us
Menu
Home
News
Review
Spec & Price
Press Release
Activities
Contact Us
Search
Search
Close this search box.
Search
Search
Close this search box.
เผยคันจริงและสเปก New Honda HR-V e:HEV มีอะไรใหม่บ้าง
October 3, 2024
Youtube
Honda HR-V e:HEV จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 28 พ.ย. 2024 พร้อมกันที่งาน Motor Expo 2024
มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น e:HEV RS, รุ่น e:HEV EL, และรุ่น e:HEV E
ราคาประมาณการณ์ Honda HR-V e:HEV
• รุ่น e:HEV RS ราคา 1,1xx,xxx บาท
• รุ่น e:HEV EL ราคา 1,0xx,xx บาท
• รุ่น e:HEV E ราคา 89x,xxx บาท
Honda HR-V e:HEV ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวีที่ได้รับการพัฒนาขึ้น ดีไซน์ภายนอกสไตล์ Original Sport Fastback พร้อมภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานล้ำสมัย เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย Honda SENSING ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีการขับขี่ระดับพรีเมียภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนชีวิต… Life Always Progresses”
สมรรถนะ Honda HR-V e:HEV
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC Engine ระบบขับเคลื่อน Full Hybrid e:HEV ให้กำลัง 131 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตันเมตร อัตราการประหยัดน้ำมัน 25.6 กิโลเมตร/ลิตร เมื่อแบตเตอรี่เต็มและน้ำมันเต็มถังสามารถวิ่งได้มากกว่า 800 กิโลเมตร
ไฮไลต์จุดเปลี่ยนที่โดดเด่นของ New Honda HR-V e:HEV
• ดีไซน์ภายนอกอัปลุคความสปอร์ตแกร่งสไตล์เอสยูวีไปอีกขั้น พร้อมดึงดูดสายตาด้วยการออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตแกร่งยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ ที่สะท้อนความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
• ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง สะดวกสบายทุกที่นั่ง พร้อมเพิ่มเติมฟังก์ชันการใช้งานใหม่ ในทุกรุ่นย่อย ได้แก่
- ใหม่! การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดย มาพร้อมช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้งาน
- ใหม่! ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- ใหม่! อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อม ใหม่! จอแสดงไฟเบรก
จุดเปลี่ยนใหม่ของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ รุ่น e:HEV RS
ดีไซน์และความปลอดภัยที่เหนือระดับ ผสานการอัปลุคดีไซน์ใหม่ที่สปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย โดยไฮไลต์ ได้แก่
- ใหม่! การออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตแกร่งยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ตในดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS
- ใหม่! ไฟท้ายแบบ Full LED Light Strip ดีไซน์ใหม่ สี Smoke เสริมความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
- ใหม่! ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว กับสีใหม่ สีดำ Berlina Black แบบ Diamond cut
- ใหม่! ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB)
- ใหม่! ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL)
- ใหม่! เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
- ใหม่! การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยมาพร้อมช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้งาน
- ใหม่! อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง
จุดเปลี่ยนใหม่ของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ รุ่น EL และรุ่น E
ดีไซน์ใหม่อัปลุคความสปอร์ตพรีเมียม พร้อมฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่ครบครัน มอบความคุ้มค่ายิ่งขึ้น มาพร้อมไฮไลต์
- ใหม่! การออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตแกร่งยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ สีเดียวกับตัวรถ ทั้งรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E
- ใหม่! การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยมาพร้อม ช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้งาน
- ใหม่! ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- ใหม่! รุ่น e:HEV EL เพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ใหม่! รุ่น e:HEV EL เพิ่มอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ใหม่! รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง
- ใหม่! รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด มาพร้อม ไฟส่องสว่าง
- ใหม่! รุ่น e:HEV E เพิ่มช่องปรับอากาศตอนหลัง
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
• สีใหม่ สีกากีแซนด์ (มุก) มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน (เฉพาะรุ่น e:HEV RS และ e:HEV EL)
• สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
• สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) สีเทา
• เมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก)
New Honda HR-V e:HEV ได้รับการออกแบบ ภายใต้แนวคิด “EXPAND Your Life” ให้เป็นเอสยูวีที่ผสานทั้งดีไซน์ที่โดดเด่นดึงดูดทุกสายตา และทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมเพื่อสุนทรียภาพในการเดินทาง อีกทั้งพื้นที่ภายใน ห้องโดยสารที่กว้างขวาง อเนกประสงค์ รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ใช้งาน สู่ก้าวใหม่ที่จะขยายทุกความเป็นไปได้ของชีวิต โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก 3 keywords หลัก ได้แก่
• ความโดดเด่นสง่างาม (Shine) ดีไซน์ที่ดึงดูดทุกสายตา โดดเด่นบนทุกเส้นทางที่โลดแล่น
• ความน่าเชื่อถือ (Reliable) การออกแบบใหม่ที่ส่งมอบความปลอดภัยในทุกขณะการขับขี่
• ความเร้าใจ (Exciting) ปลุกความสปอร์ตเร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ กับดีไซน์สุด Exclusive สไตล์ RS
การออกแบบภายนอก
ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ เรียบง่ายแต่ประณีตในทุกรายละเอียด สะท้อนความโดดเด่นอีกขั้นกับด้านท้ายที่มาพร้อมดีไซน์ท้ายลาดแบบ Fastback ที่ผสานระหว่างความสวยงามกับหลักอากาศพลศาสตร์ไว้อย่าง ลงตัว สู่ความสปอร์ตพรีเมียมรอบคัน
• ใหม่! การออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตแกร่งยิ่งขึ้น มาพร้อมกระจังหน้าใหม่ สีเดียวกับตัวรถ (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E)
• ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED Light Strip
• ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (รุ่น e:HEV RS และรุ่น e:HEV EL)
• กันชนหน้า-หลังสีดำและสีเงิน (รุ่น e:HEV EL) และสีดำ (รุ่น e:HEV E)
• ชายกันกระแทกด้านข้างสีดำ (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E)
• สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
• เสาอากาศครีบฉลาม
• ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E)
• ใหม่! สีภายนอกสีใหม่ สีกากีแซนด์ (มุก) พร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน สะท้อนลุคสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้น (รุ่น e:HEV RS และรุ่น e:HEV EL)
รุ่น e:HEV RS ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมไปอีกขั้น ด้วยการตกแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน
• ใหม่! การออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตแกร่งยิ่งขึ้น มาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ตในดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS
• ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ที่มาพร้อม ใหม่! ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) และใหม่! ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL)
• ใหม่! ไฟท้ายแบบ Full LED Light Strip สี Smoke ในดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
• ใหม่! ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว กับสีใหม่ สีดำ Berlina Black แบบ Diamond cut
• สัญลักษณ์ AMP UP บนกันชนหน้าด้านล่าง สะท้อนเอกลักษณ์ที่โดดเด่น
• กันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม
• ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
• เผยมุมมองใหม่ด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Glass Roof)
• มอบความสปอร์ตพรีเมียมสไตล์ใหม่ด้วย สีใหม่! สีกากีแซนด์ (มุก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน พร้อมสะท้อนความสปอร์ตเต็มขั้นกับสีภายนอก สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ ทูโทน Exclusive เฉพาะรุ่น e:HEV RS
การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายทุกที่นั่ง เสริมด้วยการตกแต่งด้วยโทนสีแดงและด้ายสีแดงแบบสปอร์ตในรุ่น e:HEV RS โดยออกแบบเพื่อส่งมอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม และรองรับการใช้งานที่หลากหลายสไตล์ เอสยูวี คอนโซลหน้าออกแบบด้วยเส้นสายในแนวนอน พร้อมคอนโซลกลางในดีไซน์ใหม่ แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยมาพร้อมช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกทั้ง การจัดวางเลย์เอาต์และฟังก์ชันต่าง ๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ พร้อมด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System ที่กระจายลมที่เหมาะสมทั่วถึง ทั้งห้องโดยสาร อีกทั้งช่องปรับอากาศตอนหลังในทุกรุ่นย่อย
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุดกับเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ มอบพื้นที่ใช้งานอเนกประสงค์ด้วยห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่
• Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของฮอนด้า ที่เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับลงแนวราบได้เรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย
• Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
• Tall Mode: ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ที่โดดเด่นของ ฮอนด้า ที่สามารถพับเบาะด้านหลังขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
ก้าวสู่อีกขั้นของสมาร์ตไลฟ์สไตล์ กับฟังก์ชันล้ำสมัย และเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย
• ใหม่! ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
• ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) อำนวยความสะดวกขึ้นอีกขั้น เพียงสอดเท้าไปที่เซนเซอร์บริเวณใต้กันชนด้านหลัง ระบบจะเปิดฝากระโปรงท้ายโดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกดสวิตช์ปิด พร้อมทั้งหยิบสัมภาระออกจากท้ายรถ และเดินออกห่างจากตัวรถ ระบบจะทำการปิด ฝากระโปรงท้ายลงโดยอัตโนมัติ โดยขณะใช้งานจะต้องมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว และอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 1 เมตร
• มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อม ใหม่! จอแสดงไฟเบรก
• อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (รุ่น e:HEV RS และใหม่! สำหรับรุ่น e:HEV EL)
• เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (รุ่น e:HEV RS และใหม่! สำหรับรุ่น e:HEV EL)
• ช่องเชื่อมต่อ USB ทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ทุกรุ่นย่อย ได้แก่ ใหม่! USB-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และ USB-A จำนวน 1 ช่อง (ด้านหน้า)
• แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด มาพร้อมไฟส่องสว่าง (รุ่น e:HEV RS และ ใหม่! สำหรับรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E)
• ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง (รุ่น e:HEV RS, รุ่น e:HEV EL และใหม่! สำหรับรุ่น e:HEV E)
• พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
• ลำโพงสูงสุด 8 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV RS)
• ไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบ LED เปิด-ปิดแบบสัมผัส (รุ่น e:HEV RS)
• แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย (รุ่น e:HEV RS)
ก้าวสู่ทุกจุดหมายอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่ออิสระของการใช้ชีวิต กับขุมพลังการขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV
ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit - IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ มอบการตอบสนองทันใจตั้งแต่ออกตัวกับแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร ให้คุณก้าวสู่ทุกจุดหมายได้อย่างอิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง*
โดยระบบฟูลไฮบริด e:HEV มีจุดเด่นอยู่ที่การปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างชาญฉลาด สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมและสถานการณ์การขับขี่ โดยระบบจะเลือกโหมดที่เหมาะสมตามระดับแบตเตอรี่ สภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ ประกอบด้วย 3 โหมดการทำงาน ได้แก่
• โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โดยมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ เป็นระบบที่เหมาะสมกับ การขับขี่ในเมือง ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่อง
• โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
• โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์อัตโนมัติ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่ มอบความมั่นใจยิ่งขึ้นในการใช้งาน ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
โดยทุกรุ่นย่อย ยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่
• ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่
• Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
• Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่ช่วยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
อีกทั้งระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ที่ช่วยหน่วงความเร็วรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องแตะเบรกบ่อย ๆ เมื่อขับรถตามคันหน้าหรือในจังหวะที่กำลังจะติดไฟแดง โดยเมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากคันเร่ง จะสามารถควบคุมอัตราการชะลอความเร็วของรถได้โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมช่วงระยะการลดความเร็วได้ 4 ระดับ อีกทั้งเมื่อขับรถลงทางลาด ผู้ขับขี่สามารถควบคุมช่วงระยะการลดความเร็วได้ ส่งผลให้สามารถรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้าได้ นอกจากนี้ขณะลดความเร็ว ยังสามารถช่วยชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้อีกด้วย มอบความสะดวกสบายควบคู่ไปกับ ความปลอดภัย
ก้าวไปทุกเส้นทางอย่างมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและเทคโนโลยีการขับขี่ระดับพรีเมียม
ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักดังนี้
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะ ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือน ของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วย ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และ ในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
• ใหม่! ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
โดยระบบจะปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา อัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถยนต์ด้านหน้าหรือรถที่กำลังสวนทางมา
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
• ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีด้านการขับขี่ระดับพรีเมียม อาทิ
• ใหม่! ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (รุ่น e:HEV RS)
• ใหม่! เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV RS)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ระบบที่ทำงานเพื่อช่วยควบคุมคันเร่งและเบรก เพื่อรักษาความเร็วได้อย่างเหมาะสมเมื่อขับรถลงจากทางลาดชัน
• ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
• ระบบ Auto Brake Hold
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV RS และรุ่น e:HEV EL)
• ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) สามารถล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อเดินออกห่างจากตัวรถในระยะ 1.5 เมตรขึ้นไป
• ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front and Rear Passenger Seat Belt Reminder)
• ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
• ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist: AHA)
• พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า พร้อมอัตราทดเกียร์แบบแปรผัน (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
• กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ที่มีการพัฒนาคุณภาพของกล้องให้มีความละเอียดสูงขึ้น
• ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
• ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) บนพื้นถนนที่ลื่น
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist: VSA)
• ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA)
• สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal: ESS)
นอกจากนี้ ยังมาพร้อม Honda CONNECT (รุ่น e:HEV RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่
1. My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
2. Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และ บันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และเอกซ์ (ทวิตเตอร์) เป็นต้น
3. Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง * ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
4. Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือน ให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงาน ให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
5. Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
6. Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และสั่งการดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
7. Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
8. Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผล บนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
หมายเหตุ: *ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล) อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
Previous Article
Next Article
You May Also Like
NISSAN พร้อมส่งมอบ SERENA e-POWER ให้กับลูกค้ากลุ่มแรก
อ่านเพิ่มเติม
รีวิว LEAPMOTOR C10 รถครอบครัวที่มีพื้นที่กว้างมาก
อ่านเพิ่มเติม
GWM ORA Good Cat มาในลุคใหม่ “สีขาวหลังคาสีดำ พร้อม Black Package”
อ่านเพิ่มเติม
EV PRIMUS เดินหน้าโรงงานเต็มสูบ เร่งส่งมอบ WULING Binguo EV ให้ถึงมือลูกค้า
อ่านเพิ่มเติม
Home
News
Review
Spec & Price
Press Release
Activities
Contact Us
Home
News
Review
Spec & Price
Press Release
Activities
Contact Us