BMW 630i GT M-SPORT รถที่เป็นให้คุณได้ทั้งซีดาน และ เอสยูวี

Share on facebook
Share on twitter

ถ้าพูดถึงรถซีดาน หรือ เอสยูวี หลายๆ คนคงจะมองว่า ถ้า 2 อย่างนี้มารวมกัน รูปร่างหน้าตาจะเป็นแบบไหน BMW 630i GT M-SPORT กับราคาค่าตัว 4,099,000 บาท คือคำตอบของคำถามนี้ครับ

ด้วยดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน บอกเลยว่า มีความหรูหราตามสไตล์ BMW ความสะดวกสบายในการขับขี่ พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง รวมถึงคันนี้ที่เป็น M-SPORT นอกจากจะได้ feeling การขับแบบสปอร์ตแล้ว จะมีสัญลักษณ์ M ตกแต่งมาให้รอบคัน

ถ้าดูจากดีไซน์ด้านหน้าจะคล้ายๆกับ Series 5 แต่ แต่ถ้าดูจากขนาดตัวถัง series 6 จะใหญ่กว่าอย่างชัดเจน
กระจังหน้าขนาดใหญ่ เวลาดับเครื่องยนต์แล้วจะปิดช่องระบายความร้อนให้ และถ้าสตาร์ทเครื่องยนต์ช่องระบายความร้อนก็จะเปิดออกทันที

ส่วนเครื่องยนต์ของ BMW 630i GT M-SPORT เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Twin Power Turbo ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร

ไฟหน้ามีความคล้าย Series 5 อยู่บ้าง แต่ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว ส่วนออฟชั่นไฟหน้ามีมาครบแบบจัดเต็มทั้ง Adaptive LED , Auto Hi-Beem เป็นต้น

มาพร้อมกับกล้องด้านหน้าที่แปลว่ารถคันนี้จะมีกล้องมองรอบคัน หรือกล้อง 360 องศานั่นเอง

ดีไซน์ด้านข้างของคันนี้จะให้ความเป็นสปอร์ตและพรีเมียม ในขณะเดียวกันจุดเด่นของด้านข้างคือขนาดของล้ออัลลอย 20 นิ้ว ยางด้านหน้าขนาด 245/40 R20 ด้านหลังขนาด 275/35 R20
ดีไซน์ตรงเสา C บ่งบอกถึงความเป็นคูเป้ได้อย่างดี และเป็นเอกลักษณ์ของ Series 6 เลยทีเดียว
องศาของการเปิดประตู อย่างที่บอกไว้ว่ารถคันนี้ภายนอกและภายในกว้างมากๆ การขึ้น-ลงทั้งด้านหน้าและด้านหลังไม่มีปัญหาสำหรับผู้สูงอายุแน่นอนครับ

ออฟชั่นด้านข้างก็มีให้เช่นกัน อย่าง ระบบเตือนมุมอับตรงกระจกมองข้าง (blind spot), keyless entry และกล้องมองด้านข้างตรงกระจกมองข้าง เป็นต้น

ด้านท้ายจะเห็นได้ชัดเลยว่า ช่วงหลังคาด้านหลังจะลาดเอียงลงมา เพื่อช่วยให้จัดการทิศทางลมหรือ Aerodynamics เวลาขับขี่หรือตอนใช้ความเร็วสูงได้ดีขึ้น และถ้าดูจากภาพด้านท้ายก็เหมือนรถเอสยูวีมากๆครับ
ส่วนออฟชั่นด้านท้ายก็มีให้อย่างเช่น เปิดฝาท้ายแบบ Kick Sensor , กล้องมองหลัง , ไฟท้าย LED เต็มระบบ และยังมีสปอยเลอร์ ที่ซ่อนอยู่ ถ้าใช้ความเร็วเกิน 120 กม/ขม. สปอยเลอร์ที่ซ่อนอยู่ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อจัดการทิศทางลมนั่นเองครับ

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ได้อย่างน้อย 2 ใบ และยังสามารถเก็บของอื่นๆได้โดยพื้นที่ยังเหลือเฟือ และยังมีปลั๊กไฟ AC ให้ด้วย 1 ช่อง
เวลาพับเบาะแถวที่สอง สามารถกดปุ่มที่อยู่ข้างๆ ปลั๊กไฟ AC ได้ทั้งฝั่งขวา และฝั่งซ้าย เวลาพับเบาะมันจะไม่ลงไปทีเดียว จะค่อยๆ ลงเพื่อรักษาคุณภาพและวัสดุนั่นเอง

ภายในด้านหน้า ถ้าเปรียบเทียบกับ BMW รุ่นอื่นๆ จะคล้ายเคียงกันมากๆ แต่จะมีความแตกต่างอยู่ตรงขนาดพื้นที่ของผู้โดยสารด้านหน้า เวลานั่งในรถคันนี้แล้วรู้สึกกลายเป็นคนตัวเล็กทันที เพราะภายในใหญ่จริงๆ

วัสดุของเบาะทำออกมาได้ดีมากๆ เวลานั่งแล้วรู้สึกได้ถึงความสบายของเบาะ ถ้าคนที่ตัวใหญ่อาจจะรู้สึกถึงความกระชับของเบาะได้ดีกว่าคนตัวเล็ก เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อม Memory seat ฝั่งคนขับ
ถ้าเวลาปิดประตูรถไม่สนิท เราไม่ต้องเปิดแล้วปิดใหม่นะครับ รถคันนี้สามารถปิดประตูแบบ Soft Close ได้ คือถ้าเราปิดไม่สนิทประตูมันจะปิดให้เราเองจนสนิทครับ

พวงมาลัยก็จะเหมือนกับ Bmw รุ่นอื่นๆ แต่สำหรับคันนี้ ทรงของพวงมาลัยจะดูหนาขึ้น ก้านพวงมาลัยใหญ่ขึ้น และระบบก็มีครบเช่นกัน Adaptive Cruise Control แบบ Stop And Go , Paddle Shift เป็นต้น หน้าจอฝั่งผู้ขับขี่ไม่ต่างจาก Bmw รุ่นอื่นมากนัก สามารถปรับโทนของหน้าจอได้ มี Headup Display ให้

หน้าจอ Entertainment แบบ touch screen เหมือนกับ Bmw รุ่นอื่นๆเช่นเดียวกัน สามารถตั้งค่าได้หลากหลายเช่น เปลี่ยนสีไฟแอมเบียนต์ภายในรถ เป็นต้น รองรับ Apple Carplay , Android Auto มี Wireless Charger แอร์ปรับแยกอิสระได้ทั้ง ซ้าย-ขวา และลำโพงเพิ่มความสุนทรียในการขับขี่อย่าง Harman Kardon

และช่องเก็บของตรงกลางขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถเก็บโทรศัพท์มือถือ หรือกระเป๋าตังค์ได้ และยังมีช่องเสียบ USB ให้อีก 1 ช่อง

ภาพจากกล้อง 360 องศาถือว่าชัดมากๆครับ แหละสามารถปรับได้หลายรูปแบบ และยังมีระบบ Park Assistant อีกด้วย และยังมีระบบที่สามารถยกตัวรถขึ้น หรือ กดตัวรถลง คล้ายๆกับไฮดรอลิกเลยก็ว่าได้ และสุดท้ายมีซันรูฟให้อีกด้วยครับ

ภายในด้านหลัง พื้นที่กว้าง นั่งสบาย มีที่วางแขน ที่วางแก้ว ที่เก็บของ และมีแอร์ด้านหลัง ปรับได้แบบดิจิตอลเหมือนด้านหน้า ทั้งซ้าย-ขวา มีช่องเสียบ USB C ให้ 2 ช่อง และช่องไฟ 1 ช่อง ม่านบังแดดมีให้ทั้ง 2 ฝั่ง กดฝั่งใดฝั่งนึงหรือจะขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 ฝั่งก็ได้ครับ

ช่วงทดลองขับ
0-100 ของคันนี้ใช้เวลาอยู่ที่ 8.8 วินาทีโดยประมาณ ก็ถือว่าใช้ได้เลยนะกับ 258 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
ส่วนอัตราเร่งตอบสนองดี ช่วงจังหวะกดคันเร่ง (Kick down) หรือช่วงเติมคันเร่งเวลาออกตัว จะมีอาการพุ่งอยู่เล็กน้อย รอบเครื่องอาจจะไม่ได้เนียนมากขนาดนั้น แต่พอรอบได้ที่แล้วรถไหลยาวๆได้เลย

ส่วนการควบคุมพวงมาลัย ด้วยขนาดของพวงมาลัยที่ดูจะค่อนข้างหนา และใหญ่ ทำให้กริ๊ปเวลาจับแล้วรู้สึกมั่นใจได้ และที่สำคัญยังมีความนุ่มนวล การหักหลบ หรือเปลี่ยนเลน ตอบสนองได้ดี
ทัศนวิสัยในการขับขี่ของคันนี้ก็อยู่ในระดับที่ดี มองเห็นได้ชัดเจน ไม่มีจุดอับสายตาเลย เวลามองกระจกมองหลัง ตัวกระจกอาจจะดูเล็ก แต่เวลามองเข้าไปแล้วมันกว้างพอสมควรเลย เห็นพื้นที่ด้านหลังรถได้ชัดเจน
เรื่องลมเสียงภายนอกจะเข้ามาที่ความเร็วประมาณ 120กม./ชม. และการขับขี่ความเร็วสูงที่เกิน 120 กม.ขึ้นไปแล้ว สปอยเลอร์ด้านหลังก็จะโผล่ขึ้นมาเมื่อขับเกิน 120กม./ชม. เพื่อจัดการทิศทางลมหรือ Aerodynamics ให้ดีขึ้น แล้วก็จัดปิดลงเมื่อความเร็วอยู่ที่ 70กม./ชม. ทำให้การขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงมั่นใจได้ในระดับนึงเลยครับ

โดยรวมถ้าพูดถึงการขับขี่ของคันนี้แล้ว ก็ให้ฟิลลิ่งที่เป็นรถสปอร์ตผสมผสานไปกับความพรีเมียม และสิ่งที่ได้จากการขับขี่ คือความสนุกเร้าใจตามฉบับของ BMW ส่วนจุดที่ต้องสังเกตก็อาจจะเป็นความรู้สึกเวลาขับมากกว่า

สรุป
BMW 630i GT M-SPORT กับราคาค่าตัวที่ 4,099,000 บาท บอกได้คำเดียวเลยว่า ถ้าอยากได้รถที่เป็นทั้ง ซีดานหรือเอสยูวี คันนี้ตอบโจทย์ครับ สมรรถนะในการขับขี่ ออฟชั่นที่ให้มา ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวาง ถ้าใครที่ชอบ BMW อยู่แล้ว คันนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ