เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวที่สร้างความฮือฮาไม่น้อยสำหรับ รถ MPV 7 ที่นั่งอย่าง ALL-NEW TOYOTA VELOZ ที่ทำให้หลายๆคนมองว่า รถคันนี้น่าใช้และน่าจับตามองมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้ได้นำรุ่น PREMIUM มาทดสอบสมรรถนะการขับขี่ และพาชมรอบคันทั้งภายนอกและภายใน ว่าโดยรวมแล้วรถคันนี้เป็นอย่างไร
ALL-NEW TOYOTA VELOZ จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่น SMART ราคา 795,000 บาท และรุ่น PREMIUM ราคา 875,000 บาท เครื่องยนต์ของ TOYOTA VELOZ จะเป็นเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT
ช่วงล่างด้านหน้าเป็น แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็น ทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง มาพร้อมกับดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
ดีไซน์ภายนอก
ถ้าดูดีไซน์ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้าย เป็นเอกลักษณ์ของ Toyota เลยก็ว่าได้ ถ้าลองดูรุ่นอื่นๆของ Toyota ดีไซน์จะเป็นสไตล์คล้ายๆกัน Option ด้านหน้ามีมาให้ครบคันอย่างเช่น ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมด้วย LED Light Guiding และไฟเลี้ยวแบบ Sequential , ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และที่สำคัญมีกล้องด้านหน้าให้ด้วย แปลว่ารถคันนี้มีกล้องมองรอบคัน หรือกล้อง 360 องศานั่นเอง
ดีไซน์ด้านข้างก็จะมีเส้นสายที่มีความยาวจากด้านหน้า ไปจนถึงด้านท้ายรถ ทำให้ดูมีมิติมากขึ้น มีคิ้วกันกระแทกตรงประตูด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง ( รุ่น SMART จะไม่มีให้ ) , Keyless Entry มีให้ทั้ง 2 ฝั่ง มีแร็คหลังคาให้ , กระจกด้านข้างมี Blind Spot และกล้องมองด้านข้าง , และที่ขาดไม่ได้เลยคือดีไซน์ของล้อ ลายล้อแม็กดูมีความเป็นสปอร์ต และขนาดของล้อและยางจะต่างกันกับรุ่น SMART ( รุ่น SMART จะเป็นขนาด 16 นิ้ว ) รุ่น PREMIUM จะเป็นขนาด 17 นิ้ว
ดีไซน์ด้านท้ายมีความทันสมัยมากขึ้น ไฟท้ายเป็นแถบยาว เป็นแบบ LED พร้อมด้วย LED Light Guiding และมียางอะไหล่ให้ด้วย
ดีไซน์ภายใน
พอเข้ามานั่งภายในรถต้องบอกเลยว่า ดีไซน์ภายในของคันนี้มีความพรีเมียมเหมือนกับภายนอก แต่ก็ยังมีความเป็นผู้ใหญ่ ตามสไตล์ของโตโยต้า โทนภายในจะตัดด้วยสีดำและสีขาว เบาะจะไม่ได้เป็นแบบปรับไฟฟ้า ทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มีช่องเสียบ USB 2 ช่องตรงที่วางของด้านล่างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า
หน้าจอแสดงผลฝั่งผู้ขับขี่เป็นแบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว ส่วนหน้าจอเครื่องเสียงวิทยุจะเป็นขนาด 9 นิ้วพร้อมระบบสัมผัส ( รุ่น SMART จะเป็นขนาด 8 นิ้ว ) รองรับทั้ง APPLE CARPLAY และ ANDROID AUTO พวงมาลัยสามารถปรับการตั้งค่าของรถได้ มีระบบ Voice Command แต่ไม่มีระบบ Adaptive Cruise Control มีปุ่ม DRIVE สำหรับเลือกโหมดการขับขี่ พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง แต่ไม่ได้เป็นแบบปรับไฟฟ้า โหมดการขับขี่มีทั้ง ECO และ PWR มีเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Brake Hold มี Wireless Charger ช่องเก็บของตรงกลางไม่ได้กว้างมาก แต่ก็สามารถใส่โทรศัพท์หรือกระเป๋าตังได้ และมีช่องไฟ 12V/120W ให้ 1 ช่อง
พื้นที่ภายในแถวที่ 2 โดยรวมถือว่ากว้างมาก แต่ถ้ามีคนนั่งแถวที่ 3 อาจจะต้องปรับเบาะเลื่อนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังมีพื้นทีเหลือเฟือครับ ส่วนเบาะแถวที่ 2 ขนาดเล็กอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้เล็กมาก เวลานั่งรู้สึกเหมือนนั่งไม่เต็มหลังเท่าไหร่ นั่งได้แต่ไม่ได้สบายขนาดนั้น ที่วางแก้วมีให้ทั้ง2ฝั่ง แอร์จะอยู่ด้านบนศีรษะ แต่ไม่สามารถปรับทิศทางลมให้ลงมาที่ผู้โดยสารได้ มีช่องเสียบ USB ให้ 2 ช่องบริเวณด้านล่างของที่วางแขนตรงกลาง สามารถพับเบาะทั้งแถวที่ 2 และ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น
ส่วนเบาะแถวที่ 3 สามารถนั่งได้แต่อาจจะชิดอยู่พอสมควรสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องนั่งแถวที่ 3 แต่ส่วนใหญ่รถ MPV ทุกรุ่นพื้นที่จะไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าต้องนั่งแถวที่ 3 จะเหมาะกับเด็กมากกว่านั่นเอง มีที่วางแก้วให้ทั้ง2ฝั่ง มีช่องไฟ 12V/120W ให้ทั้ง 2 ฝั่ง
การขับขี่
ถ้าพูดถึงเรื่องของอัตราเร่งของ TOYOTA VELOZ ช่วงเร่งแซง หรือช่วงจังหวะ KICK DOWN จะเห็นอาการได้ชัดเจนว่ามีอาการพุ่ง และเสียงเครื่องที่ดังเข้ามาในห้องโดยสาร รวมถึงเสียงลมที่เข้ามาด้วยแต่เสียงเครื่องยนต์จะดังมากกว่า การใช้เวลาของรอบเครื่องยนต์จะมีจังหวะหน่วงอยู่บ้าง ซึ่งโดยปกติรถ MPV ส่วนใหญ่มักจะไม่ตอบโจทย์เรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าใครที่ชอบความแรงหรือสปอร์ต มองข้ามคันนี้ไปได้เลย
การบังคับพวงมาลัยและ Handling อยู่ในระดับปานกลาง ไม่ค่อยกระชับ และไม่ค่อยล็อคมือมากนัก ถ้าจะจับให้ดีต้องกำพวงมาลัยให้แน่นถึงจะรู้สึกว่าเอาอยู่ แต่การควบคุมถือว่าทำได้ดี เวลาเลี้ยวถ้าหักเลี้ยวเร็วๆ จะมีอาการโยนของรถอยู่บ้าง ถ้าเลี้ยวเปลี่ยนเลนปกติไม่เร็วมาก รถจะไม่ได้รู้สึกโยนซะทีเดียว แต่ช่วงล่างของคันนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ มีความนุ่มนวลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทัศนวิสัยในการขับขี่และมุมมองเห็นได้ชัดเจน แต่กระจกมองหลังจะไม่ได้เป็นตัดแสงอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาหรือ Blind Spot หรือระบบช่วยเตือนรถออกนอกเลน Lane Keep Assist ก็มีมาให้เพื่อเพิ่มมุมมองในการขับขี่ให้ดีมากขึ้น แต่ระบบ Lane Keep Assist ก็มีจุดสังเกตอยู่บ้างอย่างเช่น เวลารถออกนอกเลนเราจะรู้สึกได้ว่า พวงมาลัยมันจะดึงกลับให้เราแต่ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่ดึงกลับ บางทีก็มีแค่เสียงเตือนเฉยๆเท่านั้น
ส่วนความสะดวกสบายของเบาะในการขับขี่ ถ้าขับไม่ไกลมาก เบาะของผู้ขับขี่ถือว่านั่งสบายอยู่ แต่ถ้าต้องนั่งนานอย่างเช่น เดินทางไปต่างจังหวัด จะสัมผัสได้ถึงอาการเมื่อยล้าจากเบาะได้บ้าง ยิ่งถ้าเป็นผู้โดยสารนั่ง ต้องจอดแวะพักบ้างเป็นระยะ ๆ จริงๆแล้วความรู้ในการขับเป็นเรื่องปกติมากที่จะไม่เหมือนกันจึงแนะนำว่าท่านใดที่สนใจรถรุ่นนี้หรือรุ่นในก็ตามให้ไปลองนั่งลองขับก่อนตัดสินใจนะครับ
